- 13 สิงหาคม 2025
5 ข้อดีในการทำอาหารด้วยกัน
ด้วยตารางงานที่ยุ่งเหยิง กิจกรรมหลังเลิกเรียน กวดวิชา เรียนกีฬา ดนตรี และอื่นๆ อีกมากมาย การจะหาเวลาอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาทั้งครอบครัวนั้นอาจกลายเป็นเรื่องที่ยากไปแล้ว แต่มีวิธีหนึ่งที่จะช่วยให้คุณใช้เวลาคุณภาพร่วมกัน — การทำอาหารหรือการเข้าครัว เปลี่ยนการเตรียมอาหารให้กลายเป็นกิจกรรมของครอบครัว ไม่ว่าลูกมือจะเป็นเด็กเล็กวัยอนุบาลหรือจะโตเป็นวัยรุ่นแล้วก็ตาม
มาดูกันว่า 5 ข้อดีของการทำอาหารร่วมกันในครอบครัวมีอะไรบ้าง
1. สานสัมพันธ์
การได้ใช้เวลาคุณภาพร่วมกันในครัว ไม่เพียงแต่สร้างความผูกพันแน่นแฟ้นระหว่างพ่อแม่และลูก แต่ยังเป็นช่วงเวลาทองที่เปิดโอกาสให้ได้พูดคุยกันอย่างเปิดอก เมื่อเด็กๆ เติบโตเข้าสู่วัยรุ่น พวกเขามักจะใช้เวลาส่วนใหญ่กับเพื่อนฝูงและมีงานอดิเรกที่แตกต่างจากพ่อแม่ ซึ่งอาจทำให้เกิดช่องว่างและความห่างเหินโดยไม่ตั้งใจ
การทำอาหารจึงเป็นกิจกรรมที่เรียบง่ายแต่ทรงพลังในการเชื่อมโยงทุกคนเข้าหากันอีกครั้ง นอกเหนือจากกิจกรรมอื่นๆ อย่างการปั่นจักรยาน เล่นเกม หรือการเดินเล่นแล้ว การทำอาหารยังมีเสน่ห์ตรงที่เด็กๆ จะได้สนุกกับการลงมือทำและยังได้ลิ้มรสความอร่อยของผลงานที่ทำร่วมกันอีกด้วย ทำให้เป็นช่วงเวลาที่น่าจดจำและเสริมสร้างความใกล้ชิดได้อย่างดีเยี่ยม
2. พัฒนาทักษะด้านการคำนวณ
การทำอาหารเป็นมากกว่าแค่การเตรียมอาหาร เพราะเป็นการเรียนรู้เชิงบูรณาการที่สามารถนำไปปรับใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน อาหารหลายเมนูต้องอาศัยการชั่ง ตวง วัด และการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า การทำอาหารจึงเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการฝึกฝนการคิดวิเคราะห์และทักษะด้านการคำนวณ ลองคิดดูว่าในกระบวนการทำอาหารแต่ละจานนั้น เด็กๆ จะต้องทำอะไรบ้าง? พวกเขาต้องอ่านสูตรอาหารอย่างละเอียด ตวงส่วนผสมอย่างแม่นยำ และคำนวณเวลาที่เหมาะสมในการปรุงอาหาร ซึ่งทั้งหมดนี้คือทักษะสำคัญที่ช่วยพัฒนาสมองได้เป็นอย่างดี
สำหรับเด็กเล็ก การได้คนส่วนผสม ตีไข่ หรือเทวัตถุดิบต่างๆ ยังช่วยเสริมสร้างการทำงานประสานกันระหว่างมือกับตา และพัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็กได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย
3. สืบสานสูตรอาหารจากรุ่นสู่รุ่น
การชวนให้ทุกคนในครอบครัวมีส่วนร่วมในการทำอาหารตามสูตรประจำตระกูล ถือเป็นวิธีที่ล้ำค่าในการถ่ายทอดและเฉลิมฉลองรากเหง้าทางวัฒนธรรม การส่งต่อสูตรอาหารที่ตกทอดมาจากพ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย หรือบรรพบุรุษ ไม่เพียงแต่เป็นการรักษาความทรงจำและเรื่องราวของครอบครัวให้คงอยู่ แต่ยังช่วยให้สมาชิกในครอบครัวรุ่นใหม่ได้เข้าใจและรู้สึกผูกพันกับประวัติศาสตร์ของตนเองมากขึ้น การได้ลงมือทำอาหารจานโปรดของครอบครัวร่วมกันจึงเป็นกิจกรรมที่เต็มไปด้วยความหมาย ซึ่งช่วยสร้างสะพานเชื่อมระหว่างอดีตกับปัจจุบันได้อย่างน่าประทับใจ
4. เพิ่มความมั่นใจในตนเอง
สถาบันกุมารเวชศาสตร์แห่งอเมริกา (American Academy of Pediatrics) ชี้ให้เห็นว่า การทำอาหารมีบทบาทสำคัญในการสร้างรากฐานของความมั่นใจในตนเองของเด็กๆ ได้อย่างดีเยี่ยม เพราะกระบวนการนี้ช่วยให้เด็กได้สัมผัสกับความสำเร็จหลายด้าน:
- การมีเป้าหมาย: เด็กๆ ได้ใช้พลังงานและความตั้งใจทั้งหมดไปกับการทำงานให้สำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้
- ความสามารถและความภาคภูมิใจ: พวกเขาได้ฝึกฝนการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า และเมื่อเห็นผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมก็เกิดความรู้สึกภูมิใจในตนเอง
- ความไว้วางใจ: การมอบหมายหน้าที่ในครัวให้เด็กๆ ช่วยให้พวกเขารู้สึกว่าได้รับความเชื่อใจในการตัดสินใจและลงมือทำในสิ่งที่ส่งผลต่อมื้ออาหารของทุกคน
- ความรับผิดชอบ: พ่อแม่ได้แสดงความเชื่อมั่นในศักยภาพของลูกว่าสามารถทำงานที่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จได้
- การมีส่วนร่วม: พวกเขาได้เป็นส่วนหนึ่งของการเตรียมอาหาร ทำให้รู้สึกว่าตนเองมีคุณค่าและเป็นส่วนสำคัญของครอบครัว
5. ปลูกฝังนิสัยการกินที่ดีไปตลอดชีวิต
การให้เด็กๆ มีส่วนร่วมในการทำอาหารช่วยให้พวกเขากล้าลองอาหารจานใหม่ๆ มากขึ้น แม้แต่เด็กที่เลือกกินยากก็ยังมีแนวโน้มที่จะเปิดใจกับอาหารที่ตัวเองได้ลงมือทำ นอกจากนี้ การเรียนรู้การทำอาหารยังเป็นทักษะที่ส่งผลดีในระยะยาว วัยรุ่นที่คุ้นเคยกับการเข้าครัวมักจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่รู้จักเลือกอาหารที่มีประโยชน์ กินผักมากขึ้น พึ่งพาอาหารจานด่วนน้อยลง และมีแนวโน้มที่จะรับประทานอาหารร่วมกันเป็นครอบครัวบ่อยขึ้น ทำให้พวกเขาสร้างวิถีชีวิตที่มีสุขภาพดีได้ตลอดชีวิต
Ref : UHC