ขิง
ขิงมีรสชาติเผ็ดร้อนและมีกลิ่นฉุนเฉพาะตัว เนื้อด้านในมีสีเหลืองอ่อนถึงเหลืองเข้ม ผิวขิงมีลักษณะเรียบเนียนกว่าข่า และมีข้อปล้องที่สั้นกว่า นิยมใช้เป็นส่วนผสมในอาหารหลายชนิดทั้งคาวและหวาน เช่น ต้มยำ, ผัดขิง, ข้าวต้มปลา หรือนำมาทำเป็นเครื่องดื่มอย่างน้ำขิง และของหวานอย่างเต้าฮวยน้ำขิงข่า
ข่ามีรสชาติเผ็ดร้อนน้อยกว่าขิง แต่มีความหอมที่เป็นเอกลักษณ์และไม่ฉุนเท่า เนื้อด้านในมีสีขาวอมชมพูหรือเหลืองอ่อน ผิวของข่าจะแข็งและมีรอยย่นมากกว่าขิงอย่างเห็นได้ชัด และมีข้อปล้องที่ยาวกว่า ข่าเป็นส่วนประกอบสำคัญในอาหารไทย โดยเฉพาะเมนูต้มต่างๆ เช่น ต้มยำ, ต้มข่าไก่, หรือแกงป่า เพื่อเพิ่มกลิ่นหอมและรสชาติ
ลักษณะการเจริญเติบโตและการเพาะปลูก
ขิง ชอบดินร่วนปนทรายที่มีการระบายน้ำดี ชอบสภาพอากาศที่อบอุ่นและชื้น โดยเฉพาะในเขตร้อนและกึ่งร้อน
- ข่า มีความทนทานต่อสภาพแวดล้อมมากกว่าขิง สามารถเติบโตได้ดีในดินที่หลากหลายและทนทานต่อความแห้งแล้งได้ดีกว่า
สรรพคุณทางยาและการใช้ประโยชน์
ขิง มีสรรพคุณเด่นในด้านการบรรเทาอาการคลื่นไส้, อาเจียน, และช่วยย่อยอาหาร นอกจากนี้ยังมีฤทธิ์ต้านการอักเสบและช่วยบรรเทาอาการปวดได้
ข่า มีสรรพคุณเด่นในการขับลมในลำไส้, แก้ท้องอืด, ท้องเฟ้อ, และใช้เป็นยาแก้โรคกลากเกลื้อนได้ โดยฤทธิ์ทางยาของข่าจะช่วยลดการอักเสบและเป็นสารต้านอนุมูลอิสระด้วย
การนำไปประกอบอาหาร
- ขิง มักใช้ในอาหารที่ต้องการกลิ่นหอมและรสชาติที่นุ่มนวลกว่า เช่น ผัด, นึ่ง, หรือทำเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ
- ข่า เหมาะสำหรับเมนูที่มีรสจัดจ้านและมีกลิ่นหอมที่ซับซ้อน เช่น แกง, ต้มยำ, ต้มข่าไก่ โดยมักใช้ส่วนหัวอ่อนที่ยังไม่แก่จัดเพื่อให้ได้กลิ่นหอมที่ดีที่สุด
Resource : Healthline, WebMD, RxList, PubMed

11