The Food School Bangkok

Early Bird Promotion – Book 30 days in advance with code TFSEARLYBIRD. Credit card holders get 10% off with codes AMEXTFS10 (Amex), KTCTFS10 (KTC), KRGTFS10 (Krungsri). Valid for all short courses until December 2025. ALL Short Courses
MENU

10 อาหารที่ควรกิน ของคนอยากมีลูก

10 อาหารที่ควรกิน ของคนอยากมีลูก

เอาใจคนอยากมีลูก ด้วยอาหาร 10 อย่างนี้ การกินอาหารแม้จะไม่ได้ช่วยให้มีลูกไดโดยตรงเหมือนการใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์ แต่ก็สามารถมีส่วนช่วยในทางอ้อม เช่น พัฒนาคุณภาพของไข่ของฝ่ายหญิง คุณภาพของอสุจิของฝ่ายชาย หรือช่วยเตรียมโภชนาการให้ร่างกายของว่าที่คุณพ่อคุณแม่พร้อมต่อการตั้งครรภ์ที่มีคุณภาพ 

ผลไม้ตระกูลส้ม 

ส้ม ส้มโอ และผลไม้ตระกูลส้มอื่น ๆ ไม่เพียงแต่เป็นแหล่งวิตามินซีที่ดีที่สุดเท่านั้น แต่ยังอุดมไปด้วยโพแทสเซียม แคลเซียม และโฟเลต (วิตามินบี) ผู้เชี่ยวชาญบางคนเชื่อว่าโฟเลตอาจช่วยให้ตั้งครรภ์ได้ง่ายขึ้น โดยการควบคุมการตกไข่และสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับไข่ 

ควรกินวันละอย่างน้อย 1 ถ้วย หรือ 1 กำมือ เช่น ส้ม 1 ลูกใหญ่ หรือกีวี 1 ผล ร่วมกับผลไม้ชนิดอื่น ๆ 

ผักใบเขียว 

ผักใบเขียวเข้ม เช่น ผักโขม คะน้า และสวิสชาร์ด (Swiss chard) อุดมไปด้วยแคลเซียม ธาตุเหล็ก (สำคัญในช่วงมีประจำเดือน) และโฟเลต ซึ่งสามารถช่วยป้องกันความบกพร่องของสมองและกระดูกสันหลังของทารกในช่วงแรกของการตั้งครรภ์ 

เนื่องจากผู้หญิงมักจะทราบว่าตั้งครรภ์หลังจากผ่านไปแล้ว 2-3 สัปดาห์ จึงควรได้รับโฟเลตอย่างเพียงพอในช่วงก่อนตั้งครรภ์ อย่างไรก็ตาม ผู้หญิงส่วนใหญ่มักได้รับโฟเลตจากอาหารไม่เพียงพอ ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคจึงแนะนำให้รับประทานวิตามินเสริมกรดโฟลิกวันละ 400 ไมโครกรัม 

ผลไม้ตระกูลเบอร์รี 

บลูเบอร์รีและราสเบอร์รีอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและสารต้านการอักเสบ ช่วยส่งเสริมภาวะเจริญพันธุ์ของทั้งหญิงและชาย อีกทั้งยังมีโฟเลตและวิตามินซีสูง ช่วยพัฒนาทารกในครรภ์ได้ในระยะยาว 

ผลไม้เหล่านี้ยังมีไฟเบอร์สูง ซึ่งช่วยควบคุมน้ำหนักได้ดี (มีการวิจัยพบว่าผู้หญิงที่มีน้ำหนักอยู่ในเกณฑ์สุขภาพดีมีแนวโน้มตั้งครรภ์ได้ง่ายกว่าผู้ที่น้ำหนักเกินหรือน้อยเกินไป) ควรกินอย่างน้อยวันละ 1 ถ้วย 

อะโวคาโด 

อะโวคาโดอุดมไปด้วยไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว วิตามินเค ซึ่งช่วยให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้ดีขึ้น และช่วยปรับสมดุลฮอร์โมน 

ยังมีโฟเลตและโพแทสเซียมซึ่งช่วยควบคุมความดันโลหิต แนะนำให้กินวันละ 1 ลูก เช่น ทาบนขนมปังโฮลเกรนแล้วราดน้ำมันมะกอก ซึ่งน้ำมันมะกอกเองก็มีวิตามินอีสูงและช่วยต้านอนุมูลอิสระ เหมาะสำหรับผู้มีภาวะ PCOS หรือเบาหวาน 

ควินัว 

ควินัวเป็นธัญพืชไม่ขัดสี ปราศจากกลูเตน ให้โปรตีน โฟเลต และสังกะสีสูง และยังมีใยอาหารซึ่งช่วยบรรเทาอาการท้องผูก โดยเฉพาะในช่วงมีประจำเดือน 

ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ Hillary Wright แนะนำว่าการเปลี่ยนโปรตีนจากสัตว์เป็นโปรตีนจากพืช เช่น ควินัว อาจช่วยเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ได้ 

กรีกโยเกิร์ต 

ในกรณีของผู้ที่พยายามมีบุตร แนะนำให้บริโภคผลิตภัณฑ์นมไขมันเต็ม เช่น กรีกโยเกิร์ต เพราะให้แคลเซียม โปรตีน และโพรไบโอติกสูงกว่านมและโยเกิร์ตทั่วไป และยังมีวิตามินดีที่ช่วยในเรื่องการตกไข่และเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน 

หากแพ้นมวัว ควรตั้งเป้าให้ได้แคลเซียม 1,000 มิลลิกรัมต่อวัน อย่างไรก็ตาม การบริโภคนมไขมันเต็มมากเกินไปก็ไม่แนะนำ เพราะอาจเพิ่มปริมาณไขมันอิ่มตัวในร่างกายได้ 

แซลมอน 

โดยเฉพาะแซลมอนจากธรรมชาติ มีไขมันโอเมก้า 3 และ DHA (กรดโดโคซาเฮกซาอีโนอิก) ซึ่งจำเป็นต่อพัฒนาการของสมองและดวงตาของทารกในครรภ์ ผู้หญิงที่มีน้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วนมักเสี่ยงขาด DHA จึงควรบริโภคอย่างเหมาะสม แนะนำไม่เกิน 12 ออนซ์ หรือ 340 กรัมต่อสัปดาห์ (เทียบเท่าซาชิมิประมาณ 10–15 ชิ้น) 

ไข่ 

ไข่ออร์แกนิกเป็นแหล่งโปรตีนที่ดี อุดมไปด้วยโคลีน วิตามิน และแร่ธาตุที่สำคัญ เช่นเดียวกับโฟเลต โคลีนช่วยเพิ่มคุณภาพของไข่ และป้องกันความผิดปกติของท่อประสาทในทารก แนะนำให้กินทั้งไข่ขาวและไข่แดงเพื่อให้ได้ประโยชน์ครบถ้วน 

วอลนัท 

วอลนัทเป็นถั่วที่อุดมด้วยใยอาหาร โอเมก้า 3 และแมกนีเซียม ช่วยลดความเสี่ยงของปัญหาทางระบบประสาทของทารก เช่น สมองพิการ และช่วยบรรเทาอาการตะคริวระหว่างตั้งครรภ์ ควรกินไม่เกินวันละ 2 ช้อนโต๊ะ 

ถั่วเลนทิลและถั่วชนิดต่าง ๆ 

ถั่วเลนทิลและถั่วหลากชนิดเป็นแหล่งโปรตีนจากพืช มีไฟเบอร์ วิตามินบี โฟเลต และธาตุเหล็กสูง ควรเลือกถั่วกระป๋องที่ไม่มีสาร BPA ซึ่งอาจรบกวนระดับฮอร์โมนเอสโตรเจน 

เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุด ควรกินถั่วอย่างน้อย 2 มื้อต่อสัปดาห์ 

Ref: The Bump

Related News

Recently News