The Food School Bangkok

Early Bird Promotion – Book 30 days in advance with code TFSEARLYBIRD. Credit card holders get 10% off with codes AMEXTFS10 (Amex), KTCTFS10 (KTC), KRGTFS10 (Krungsri). Valid for all short courses until December 2025. ALL Short Courses
MENU

อาหาร และ ความลื่นไหลทางเพศ ความเหมือนที่อาจไม่ต่าง

อาหาร และ ความลื่นไหลทางเพศ ความเหมือนที่อาจไม่ต่าง

ในช่วงเดือนแห่งความหลากหลายทางเพศ หรือ Pride Month เป็นช่วงเวลาที่เหล่า LGBTQIA+ ออกมาแสดงออกถึงความภาคภูมิใจในอัตลักษณ์ของตนเอง โดยหากจะเปรียบเทียบกับอาหารที่มีรสชาติและรสสัมผัสที่หลากหลายแล้ว ก็คงไม่ต่างสักเท่าไร แต่จะมีแง่มุมอะไรบ้างที่เหมือนหรือที่ต่างกัน อาหารเป็นหนึ่งในแง่มุมที่เราสำรวจได้และยังมีหลายเรื่องราวเกี่ยวกับอาหารในเดือนแห่งอัตลักษณ์นี้

แนวคิดของความลื่นไหล

การดึงความคล้ายคลึงเหล่านี้แม้จะค่อนข้างนามธรรม แต่ก็เป็นวิธีหนึ่งในการเฉลิมฉลองความงามและความถูกต้องของความลื่นไหลในทุกรูปแบบ เช่นเดียวกับที่เราตระหนักและยอมรับธรรมชาติที่หลากหลาย การเปลี่ยนแปลงไปของอัตลักษณ์ทางเพศ เรายังสามารถชื่นชมวิธีที่หลากหลายและการเปลี่ยนแปลงได้เสมอ ทั้งเป็นประสบการณ์ที่เราประสบและทั้งการเชื่อมโยงกับโลกรอบตัวเรา รวมถึงสิ่งพื้นฐานอย่างอาหาร เป็นเรื่องของการก้าวข้ามกรอบความคิดและการรับรู้ผ่านประสาทสัมผัส

อัตลักษณ์ทางเพศที่ลื่นไหล

การเป็นบุคคลที่มีอัตลักษณ์ทางเพศที่ลื่นไหลหมายความว่าอัตลักษณ์ทางเพศของพวกเขาไม่ได้คงที่ อาจเปลี่ยนแปลงไปตามเวลา หรือแม้แต่วันต่อวัน

อ่านเพิ่มเติมได้เรื่องงานวิจัยทั่วไปเกี่ยวกับความลื่นไหลทางเพศ

  • Fluidity in Gender Identity and Sexual Orientation Identity in Transgender and Nonbinary Youth
    งานวิจัยนี้ศึกษาการเปลี่ยนแปลงของอัตลักษณ์ทางเพศและอัตลักษณ์ทางเพศวิถี เมื่อเวลาผ่านไปในกลุ่มเยาวชนข้ามเพศและนอน-ไบนารี แม้ว่าจะเน้นไปที่กลุ่มประชากรเฉพาะ โดยผลการวิจัยชี้ให้เห็นว่าอัตลักษณ์เหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่คงที่เสมอไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงวัยรุ่นและวัยหนุ่มสาว ซึ่งอาจมีการสำรวจและตระหนักรู้ในตนเองมากขึ้น

  • The Current State of Sexual Fluidity Research
    บทความนี้ทบทวนงานวิจัยเกี่ยวกับความลื่นไหลทางเพศวิถีในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยเน้นย้ำว่าความเข้าใจเกี่ยวกับอัตลักษณ์ทางเพศวิถีไม่ได้จำกัดอยู่แค่การรักต่างเพศหรือรักเพศเดียวกันเท่านั้น แต่ยังมีความเป็นไปได้ของความลื่นไหลและการเปลี่ยนแปลงเมื่อเวลาผ่านไป นอกจากนี้ บทความยังกล่าวถึงความสำคัญของการทำความเข้าใจความลื่นไหลทางเพศควบคู่ไปด้วย เนื่องจากทั้งสองแนวคิดนี้มีความเชื่อมโยงกันในการทำความเข้าใจอัตลักษณ์ที่หลากหลาย

  • Gender Fluidity and Nonbinary Gender Identities Among Children and Adolescents
    บทความนี้สำรวจการตระหนักรู้และความเข้าใจที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับอัตลักษณ์ทางเพศที่หลากหลายในกลุ่มเด็กและวัยรุ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งความลื่นไหลทางเพศและอัตลักษณ์นอน-ไบนารี ผู้เขียนได้อธิบายถึงความสำคัญของการรับฟังและทำความเข้าใจประสบการณ์ของเยาวชนเหล่านี้ และเน้นย้ำว่าการสนับสนุนและการยอมรับมีความสำคัญต่อความเป็นอยู่ที่ดีของพวกเขา

  • Gender fluidity across the world: A Multilevel Item Response Theory approach
    งานวิจัยนี้สำรวจความเข้าใจเกี่ยวกับเพศภาวะในฐานะที่เป็นสิ่งที่ลื่นไหลและมีหลายมิติในวัฒนธรรมต่างๆ ทั่วโลก โดยใช้วิธีการทางสถิติเพื่อวิเคราะห์ข้อมูลจากหลายประเทศ เพื่อทำความเข้าใจว่าผู้คนในวัฒนธรรมต่างๆ มองว่าเพศภาวะเป็นสิ่งที่ตายตัวหรือลื่นไหลอย่างไร ผลการวิจัยชี้ให้เห็นว่ามีความแตกต่างทางวัฒนธรรมในการรับรู้เกี่ยวกับเพศภาวะ และในบางวัฒนธรรมแนวคิดเรื่องเพศภาวะที่ลื่นไหลอาจเป็นที่ยอมรับมากกว่า

อาหาร ลื่นไหลอย่างไร

คำนี้อาจจะไม่เป็นที่แพร่หลายในวงการอาหาร แต่ถ้าจะเปรียบเทียบความลื่นไหลนั้น อาจจะเป็นมุมที่เราไม่เคยคิดมาก่อน

1. ความลื่นไหลของอาหารคาวและหวาน

  • อาหารหลายชาติมีเมนูที่ทำให้เส้นแบ่งระหว่างรสชาติคาวและหวานที่ชัดเจนนั้นไม่ชัดเจน ลองนึกถึงอาหารที่มีน้ำผึ้งหรือมีผลไม้เจืออยู่ในซอสรสเค็ม เช่น บัลซามิกเกลซบนผักย่าง หรือแยมผลไม้เสิร์ฟคู่กับชีส หรือแม้กระทั่งพิซซ่าฮาวายเอี้ยนที่ชาวอิตาเลียนไม่ยอมรับ หรือแม้กระทั่งข้าวอบสัปปะรดที่ดังไปไกลจนมีอยู่ในอนิเมชั่นของดิสนีย์ และก็กลายเป็นอาหารคาวได้อย่างไม่เคอะเขิน แถมมีบรรดาคนที่รักเมนูเหล่านี้มากมายอีกด้วย
  • ในทางกลับกัน ขนมหวานบางชนิดก็มีการผสมผสานส่วนประกอบรสเค็ม เช่น คาราเมลเค็ม (Salted Caramel) หรือในชีสเค้ก
  • ความ “อูมามิ” มักอธิบายว่าเป็นรสชาติกลมกล่อม อาจมีรสหวานอ่อนๆ ผสมอยู่ด้วย ทำให้มีความครบรสและเข้าใจได้ง่าย
  • วัตถุดิบเองก็มีความหลากหลาย สามารถนำมาใช้ได้ทั้งในอาหารคาวและหวาน อย่าง ฟักทองสามารถนำไปทำซุปและสตูว์ได้ กลับกันก็สามารถทำเป็นพายฟักทองและขนมฟักทองได้เช่นกัน เครื่องเทศอย่างอบเชยหรือพริกก็สามารถปรากฏในอาหารทั้งสองประเภท ทำให้เกิดรสชาติที่ซับซ้อนซึ่งไม่อาจจัดว่าเป็นรสใดรสหนึ่งได้อย่างชัดเจน

2. ความลื่นไหลข้ามมื้ออาหาร (เช้า, สาย, เที่ยง, เย็น, ดึก, ว่าง)

  • อาหารบางชนิดสามารถปรับเปลี่ยนไปได้ตามมื้ออาหารต่างๆ อย่างลงตัว ไข่เป็นตัวอย่างที่เข้าใจได้ง่าย เพราะคุณสามารถรับประทานเป็นอาหารเช้า อย่างไข่เจียวหรือไข่ดาว อาหารมื้อสาย อย่างออมเล็ตหรือไข่เบเนดิกต์ อาหารกลางวัน ไข่ต้มที่ใส่ในสลัดหรือแซนวิชไข่ และแม้แต่อาหารเย็น อย่างฟรีตตาตาหรือคีช หรือแม้แต่ขนมหวานอย่างพุดดิ้งที่ส่วนประกอบหลักคือไข่นั่นเอง
  • โยเกิร์ตสามารถเป็นรับประทานเป็นอาหารเช้ากับกราโนล่าและผลไม้ เป็นอาหารกลางวันเบาๆ สำหรับสาวๆ เป็นของว่างเพื่อสุขภาพรับประทานระหว่างวันได้ หรือแม้กระทั่งนำไปใส่ในซอสหรือเป็นขนมหวานสุดเฮลตี้สำหรับอาหารเย็น
  • ขนมปังในรูปแบบต่างๆ ก็มีความหลากหลายที่คนไทยอาจจะคุ้นชิน เพราะนิยมรับประทานเป็นอาหารเช้าอย่างขนมปังปิ้ง สามารถเป็นแซนวิชสำหรับอาหารกลางวัน หรือรับประทานขนมปังเป็นมื้อเย็นกับอาหารจานหลัก แม้กระทั่งของว่างง่ายๆ กับท็อปปิ้งที่หลากหลายอย่างแยมหรือเนย หรืกลายเป็นแซนวิชสเต็กได้อีกด้วย
  • อาหารมื้อใดมื้อหนึ่งสามารถปรับเปลี่ยนได้แบบไม่มีที่สิ้นสุด อาหารเย็นที่เหลือมักกลายเป็นอาหารกลางวัน การทาน “อาหารเช้าสำหรับอาหารเย็น” เป็นแนวคิดที่ได้รับความนิยมและน่าสนุก หรือจะเป็นบรันช์ (Brunch) ที่หนักท้อง เชื่อมช่องว่างระหว่างอาหารเช้าและอาหารกลางวัน โดยบางครั้งรวมองค์ประกอบของทั้งสองมื้อเข้าด้วยกัน

3. ความลื่นไหลของสถานะอาหาร (ของแข็ง ของเหลว โฟม เจลลี่ )

  • รูปแบบและสถานะของอาหารเป็นอีกแง่มุมหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงความลื่นไหลอย่างเห็นได้ชัด ท้าทายคำจำกัดความที่ตายตัว ลองยกตัวอย่างข้าวสวย โดยทั่วไปแล้ว ข้าวจะถูกบริโภคในรูปของเมล็ดข้าวที่หุงสุกและนุ่มนิ่ม อย่างไรก็ตาม ในอาหารอย่างข้าวต้มหรือโจ๊ก ข้าวจะเปลี่ยนไปอยู่ในสถานะของเหลวหรือกึ่งของเหลว ในทางตรงกันข้าม ของว่างอย่างข้าวแต๋นหรือนางเล็ด ข้าวจะอยู่ในรูปของแข็งอย่างชัดเจน สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าทำไมอาหารจึงไม่มีสถานะที่ตายตัวเช่นกัน แต่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาผ่านกระบวนการทำอาหาร

  • การเปลี่ยนสถานะอาหารเป็นโฟม อาจไม่แพร่หลายมากนัก แต่ก็มีในอาหารเช่นกัน โดยฟองก๊าซจะกระจายอยู่ในของเหลวหรือของแข็ง อย่างวิปครีมและเมอแรงค์เป็นตัวอย่างคลาสสิก ที่เปลี่ยนผลิตภัณฑ์นมเหลวหรือไข่ขาวให้กลายเป็นเนื้อสัมผัสที่บางเบา การเปลี่ยนแปลงนี้สามารถเปลี่ยนประสบการณ์ทางประสาทสัมผัสได้ไม่น่าเชื่อ เพิ่มสัมผัสที่ละเอียดอ่อนให้กับของหวานหรืออาหารคาว เช่น โฟมมันฝรั่ง
  • การทำความเข้าใจและการจัดการสถานะที่ลื่นไหลเหล่านี้เป็นหัวใจสำคัญของวิทยาศาสตร์การประกอบอาหาร (culinary science) และสุนทรียศาสตร์ทางโมเลกุล (molecular gastronomy) เชฟจงใจเล่นกับเนื้อสัมผัสของอาหารเพื่อสร้างความแตกต่าง เพิ่มรสชาติ และทำให้ผู้รับประทานประหลาดใจ ในบางเมนูอาจจะมีทั้งอาหารที่กรอบ นิ่ม เป็นของเหลว และเป็นก๊าซหรือเป็นโฟม เพราะส่วนผสมเดียวกันสามารถให้ประสบการณ์ที่แตกต่างกันอย่างมาก ขึ้นอยู่กับสถานะทางกายภาพของมัน: มันฝรั่งทอดกรอบ (ของแข็ง) เทียบกับมันฝรั่งบดเนื้อครีม (กึ่งของเหลว) เทียบกับโฟมมันฝรั่งเนื้อเบา (มีก๊าซ) หรือจะเป็นผลไม้เนื้อแน่นกรอบ (ของแข็ง) เทียบกับผลไม้บด (ของเหลว) เทียบกับเจลลี่ผลไม้ที่แวววาว (เจล)

อาหาร แต่ละเมนูกับความลื่นไหลทางเพศ

  • ซุป ตั้งแต่ซุปใส ซุปข้น ซุปที่เป็น Starter หรือเปิดต่อมรับรส ซุปที่เป็นจานหลัก ด้วยส่วนผสมและรสชาติที่หลากหลาย สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามส่วนผสมที่ใส่ลงไป บางครั้งอาจมีรสชาติเข้มข้น บางครั้งอาจมีรสชาติอ่อนโยนและซดคล่องคอ
  • สลัด ประกอบด้วยส่วนผสมที่หลากหลายและสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความชอบของแต่ละคน บางคนอาจชอบผักเยอะๆ บางคนเน้นโปรตีน บ้างก็ชอบสลัดแซ่บๆ แบบยำ หรือบ้างอาจชอบน้ำสลัดแบบครีม
  • อาหารตามสั่ง ในแง่ของการเปิดกว้างและสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการของผู้สั่ง เช่น ข้าวกะเพราที่สามารถสั่งได้ว่าใส่หมู ไก่ ทะเล ใส่พริกกี่เม็ด ใส่ผักอื่นเพิ่มได้ หรือใส่แค่กะเพราอย่างเดียว จะทำแบบกะเพราคลุกหรือแบบราดข้าว แบบแห้งๆ หรือแบบมีน้ำเยอะหน่อย เช่นเดียวกับอัตลักษณ์ทางเพศที่ลื่นไหล ซึ่งบุคคลสามารถแสดงออกและระบุอัตลักษณ์ของตนเองได้อย่างอิสระ โดยไม่มีข้อจำกัดที่ตายตัว
  • บุฟเฟต์ หากพูดถึงความหลากหลายแล้วไม่พูดถึงบุฟเฟต์ก็เหมือนจะขาดอะไรไป เพราะบุฟเฟต์นั้นนำเสนออาหารที่หลากหลายให้เลือกสรรมากมาย ทั้งคาว หวาน ร้อน เย็น นานาชาติ หลากหลายวัตถุดิบและสไตล์
  • อาหารฟิวชั่น ที่เป็นการผสมผสานรสชาติและเทคนิคการทำอาหารจากหลากหลายวัฒนธรรม ทำให้เกิดรสชาติและประสบการณ์ใหม่ๆ ที่ไม่จำเจ เช่นเดียวกับความลื่นไหลทางเพศ ที่อาจเป็นการผสมผสานของความรู้สึกและประสบการณ์ทางเพศที่แตกต่างกัน เพราะในแง่มุมของอาหารนั้นบ้างก็เปลี่ยนไปจนจำรูปแบบไม่ได้ บ้างก็มีการนำเสนอที่แปลกใหม่ บ้างก็รูปลักษณ์แบบเดิมแต่เมื่อเข้าปากแล้วไม่ใช่แบบเดิม
  • ค็อกเทลหรือม็อกเทล ที่เกิดจากการผสมผสานของเหลวและส่วนผสมต่างๆ ในสัดส่วนที่แตกต่างกัน ทำให้ได้รสชาติและสีสันที่หลากหลาย และสามารถปรับเปลี่ยนสูตรได้ตามความชอบ

Related News

Recently News