- 20 ตุลาคม 2025
มังสวิรัติ (Vegetarian) vs. วีแกน (Vegan) ต่างกันยังไง?
เรียกได้ว่ากระแสไม่กินเนื้อสัตว์ในยุคนี้ค่อนข้างที่จะมาแรง แต่รู้หรือไม่ว่า ระหว่างการไม่กินเนื้อสัตว์นั้น ก็มีกลุ่มย่อยๆ อีกหลากหลาย แบ่งตามสิ่งที่กินนั่นเอง แต่จะมีอะไรบ้างนั้น ในบทความนี้มีคำตอบ
อาหารมังสวิรัติ (Vegetarian Diet)
ผู้ที่รับประทานมังสวิรัติ คือผู้ที่ไม่รับประทานเนื้อสัตว์ทุกชนิด ทัั้งสัตว์บก สัตว์ปีก และสัตว์น้ำ ปลา หอย และผลิตภัณฑ์ที่ได้จากสัตว์
ประเภทหลักของมังสวิรัติ
- แลคโต-โอโว (Lacto-ovo vegetarians) ไม่กินเนื้อสัตว์ แต่กินนมและผลิตภัณฑ์จากนมและไข่
- แลคโต (Lacto vegetarians) ไม่กินเนื้อสัตว์และไข่ แต่กินนมและผลิตภัณฑ์นม
- โอโว (Ovo vegetarians) ไม่กินเนื้อสัตว์ นมและผลิตภัณฑ์นม แต่กินไข่
- วีแกน (Vegans) ไม่กินเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์ที่มาจากสัตว์ทั้งหมด (ถือเป็นมังสวิรัติที่เข้มงวดที่สุด)
อาหารวีแกน (Vegan Diet)
วีแกน ถือเป็นรูปแบบมังสวิรัติที่เข้มงวดที่สุด เป็นวิถีชีวิตที่พยายามหลีกเลี่ยงการใช้ประโยชน์และความโหดร้ายต่อสัตว์ในทุกรูปแบบเท่าที่จะทำได้ ซึ่งรวมถึงอาหารและวัตถุประสงค์อื่น ๆ
อาหารวีแกน ไม่เพียงแต่ตัดเนื้อสัตว์ออกไปเท่านั้น แต่ยังรวมถึง
- ผลิตภัณฑ์นม
- ไข่
- ส่วนผสมอื่น ๆ ที่มาจากสัตว์
- เจลาติน
- น้ำผึ้ง
- คาร์มีน carmine (สีแดงที่ได้จากแมลง)
- เพปซิน pepsin (เอนไซม์ที่สกัดจากกระเพาะอาหารสัตว์ ที่ช่วยในการย่อยโปรตีน)
- เชลแล็ก shellac (เรซินที่ผลิตโดยแมลงแลคตัวเมีย)
- อัลบูมิน albumin (โปรตีนจากสัตว์)
- เวย์ whey (โปรตีนจากสัตว์)
- เคซีน casein (โปรตีนจากสัตว์)
- วิตามิน D3
ข้อดีและข้อควรระวังของการกินวีแกนและมังสวิรัติ
ข้อดีด้านสุขภาพ
งานวิจัยชี้ว่า การรับประทานอาหารแบบมังสวิรัติและวีแกนมีประโยชน์หลัก ๆ คือ ไขมันอิ่มตัวและคอเลสเตอรอลต่ำ อีกทั้งยังเต็มไปด้วยสารอาหารสำคัญ เพราะอาหารเหล่านี้มักจะมีอาหารที่มีคุณค่าทางอาหารสูง (nutrient-dense foods) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง วิตามิน แร่ธาตุ ไฟเบอร์ และสารประกอบจากพืชที่เป็นประโยชน์ ซึ่งมาจากอาหารหลัก เช่น ผลไม้ ผัก ธัญพืชไม่ขัดสี ถั่ว เมล็ดพืช และผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง
*nutrient-dense foods อาหารที่ให้สารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย เช่น วิตามิน แร่ธาตุ โปรตีน คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน และไขมันดี ในปริมาณสูง เมื่อเทียบกับแคลอรีหรือพลังงานที่ได้รับ
สิ่งที่ต้องระวัง
อย่างไรก็ตาม หากวางแผนการกินไม่ดี อาจทำให้ร่างกายขาดสารอาหารบางชนิดได้ง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ธาตุเหล็ก แคลเซียม สังกะสี และวิตามินดี
นอกจากนี้ การกินทั้งแบบมังสวิรัติและวีแกนมักจะมี วิตามินบี 12 และ กรดไขมันโอเมก้า 3 สายยาว ในปริมาณจำกัด (กลุ่มวีแกนจะมีความเสี่ยงต่ำกว่ากลุ่มมังสวิรัติ) ดังนั้นจึงจำเป็นต้องหาแหล่งสารอาหารเหล่านี้จากที่อื่น
อาหารใดดีต่อสุขภาพมากกว่า?
รายงานจาก Academy of Nutrition and Dietetics ยืนยันว่า บุคคลทุกวัยสามารถรับประทานอาหารแบบมังสวิรัติ (Vegetarian) และวีแกน (Vegan) ได้อย่างปลอดภัยและมีสุขภาพดี ตราบใดที่มีการวางแผนอาหารอย่างรอบคอบ
ความเสี่ยงที่ต้องระวังเป็นพิเศษ
ผู้ที่รับประทานอาหารมังสวิรัติและวีแกนควรให้ความสำคัญเป็นพิเศษในการได้รับสารอาหารดังต่อไปนี้อย่างเพียงพอ
- วิตามิน D
- วิตามิน B12
- แคลเซียม
- กรดไขมันโอเมก้า-3
อาจจำเป็นต้องพิจารณาการรับประทานอาหารเสริม (Supplements) หรือเลือกบริโภคอาหารที่มีการเสริมสารอาหาร (Fortified foods) เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารเหล่านี้ครบถ้วน
วีแกน คือวิถีชีวิต มากกว่าแค่อาหาร
สำหรับผู้ที่เป็นวีแกน (Vegan) การหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์จากสัตว์มักจะขยายไปสู่วิถีชีวิตที่คำนึงถึงสิทธิสัตว์อย่างครอบคลุม ซึ่งรวมถึงด้านต่าง ๆ ดังนี้
- ไม่ใส่เสื้อผ้าที่ทำจาก ไหม ขนสัตว์ หนัง หรือหนังกลับ
- ไม่สนับสนุนบริษัทที่ทดลองในสัตว์ และเลือกซื้อเครื่องสำอางที่ไม่มีส่วนผสมพลอยได้จากสัตว์
- หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่มีการใช้สัตว์เพื่อความบันเทิง เช่น คณะละครสัตว์ สวนสัตว์ หรือการแข่งขันต่าง ๆ
- วีแกนจำนวนมากเลือกวิถีนี้ด้วยเหตุผลด้านสิ่งแวดล้อม โดยเชื่อว่าการใช้ชีวิตแบบวีแกนนั้นใช้ทรัพยากรโลกน้อยกว่า และช่วยในการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้
สรุปความแตกต่างและข้อควรระวัง
- มังสวิรัติ (Vegetarian) และ วีแกน (Vegan) ต่างมีเหตุผลในการหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์จากสัตว์ที่คล้ายกัน แต่มีขอบเขตที่ต่างกัน โดยวีแกนคือกลุ่มที่เข้มงวดที่สุดในบรรดาผู้ที่รับประทานมังสวิรัติ
- ความปลอดภัย: ทั้งสองรูปแบบอาหารถือว่าปลอดภัยสำหรับทุกช่วงวัย แต่จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการวางแผนโภชนาการที่ดี เพื่อป้องกันปัญหาสุขภาพในระยะยาว
Resources : healthline
