- 19 ธันวาคม 2025
น้ำบีทรูท ช่วยลดความดันโลหิตสูงได้
มีข่าวดีสำหรับผู้ที่มีภาวะความดันโลหิตสูง (Hypertension) ซึ่งพบในผู้ใหญ่ชาวสหรัฐฯ เกือบ 50% หรือประมาณ 120 ล้านคน
ประโยชน์ของน้ำบีทรูท
- งานวิจัยล่าสุดยืนยัน การศึกษาในปี 2025 โดยนักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Exeter ที่ตีพิมพ์ใน Free Radical Biology and Medicine พบว่า การดื่มน้ำบีทรูท (Beetroot Juice) วันละ 2 ครั้ง สามารถช่วยลดความดันโลหิตในกลุ่มผู้สูงอายุระหว่าง 67 ถึง 79 ปี ได้อย่างมีนัยยะสำคัญ
- กลไกการทำงาน บีทรูทมีสารไนเตรต (Nitrate) สูงโดยธรรมชาติ ซึ่งเมื่อเข้าสู่ร่างกายจะถูกเปลี่ยนเป็น ไนตริกออกไซด์ (Nitric Oxide) สารนี้ทำหน้าที่ช่วย ผ่อนคลายและเปิดหลอดเลือด ทำให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น และช่วยลดความดันโลหิตได้
- ประโยชน์ต่อสุขภาพหัวใจ การที่หลอดเลือดผ่อนคลาย (Vasodilation) ช่วยลดภาระการทำงานของหัวใจ ทำให้หลอดเลือดมีความยืดหยุ่น ลดความเสี่ยงต่ออาการหัวใจวายและโรคหลอดเลือดสมอง
- จากข้อมูลปี 2017 ชี้ว่า การดื่มน้ำบีทรูทเป็นประจำช่วยลดความดันโลหิตได้ทั้งค่าตัวบน (Systolic) และค่าตัวล่าง (Diastolic) ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดสมองและภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ที่เกิดจากความดันโลหิตสูง
ข้อควรรู้และปริมาณที่เหมาะสม
- เห็นผลรวดเร็ว บางงานวิจัยระบุว่าสามารถเห็นผลดีได้ภายในเวลาเพียง 3 ชั่วโมงหลังดื่ม แต่การดื่มอย่างสม่ำเสมอ (แม้เพียงสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง) และควรดื่มต่อเนื่องอย่างน้อย 60 วัน เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุด
- ดื่มน้ำบีทรูท 100% ในปริมาณ 1/2 ถึง 1 ถ้วยต่อวัน หรือประมาณ 250 มิลลิลิตร ต่อวัน อาจให้ผลลัพธ์ในการลดความดันโลหิตได้ดีที่สุด
ข้อควรระวัง
- ปรึกษาแพทย์ หากคุณกำลังใช้ยาควบคุมความดันโลหิตอยู่ เพราะการรวมกันอาจทำให้ความดันโลหิตลดลงต่ำเกินไป
- น้ำบีทรูทไม่มีใยอาหาร จึงไม่ควรใช้แทนการรับประทานบีทรูทหรืออาหารอื่นที่มีใยอาหารสูง
- ปัสสาวะหรืออุจจาระเปลี่ยนเป็นสีชมพูหรือสีแดง เพราะเป็นผลข้างเคียงที่ไม่เป็นอันตราย
- แม้ว่าการกินบีทรูทสดอาจช่วยลดความดันโลหิตได้ แต่การศึกษาส่วนใหญ่มุ่งเน้นไปที่น้ำบีทรูท ดังนั้นจึงยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่เพียงพอที่จะยืนยันว่าการกินบีทรูทสดให้ผลลัพธ์เหมือนกับการดื่มน้ำ
- เนื่องจากบีทรูทมีสารออกซาเลตสูง ผู้ที่มีความเสี่ยงเป็นโรคนิ่วในไตควรระมัดระวัง
อาหารอื่นที่ช่วยลดความดันโลหิตได้
นอกเหนือจากบีทรูทแล้ว การรับประทานอาหารที่หลากหลายเหล่านี้ก็ช่วยควบคุมความดันโลหิตได้
- อาหารที่อุดมด้วยโพแทสเซียม เช่น กล้วย, มันฝรั่ง, ผักโขม, ลูกพรุน, และผลิตภัณฑ์นม (ช่วยต้านผลกระทบของโซเดียม)
- อาหารที่มีใยอาหารสูง เช่น ผลไม้, ผัก, ธัญพืชไม่ขัดสี, ถั่วชนิดต่างๆ และเมล็ดพืช (ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตที่ดี)
- อาหารโซเดียมต่ำ เลือกใช้เครื่องเทศปรุงรสแทนเกลือ และเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีโซเดียมต่ำ
- ไขมันดีต่อหัวใจ เช่น น้ำมันมะกอก, อะโวคาโด, ถั่ว, เมล็ดพืช และปลาที่มีไขมันสูงอย่างปลาแซลมอน
Resourses: foodandwine, medicalnewstoday, NIH
3